พระมหาวีระผู้นำโลกพระนามว่าวิปัสสี
สัมพุทธเจ้าทรงรับแล้ว ได้ทรงดมกลิ่น ในเมื่อ
ดิฉันมองดูอยู่ในครั้งนั้น ดิฉันประนมอัญชลี
ถวายบังคม พระพุทธองค์ผู้อุดมกว่าสัตว์สองเท้า
ทำจิตของตนให้เลื่อมใส ต่อจากนั้น ก็ได้เดินขึ้น
ในกัปที่ 91 แต่กัปนี้ ดิฉันได้ถวาย
ดอกไม้ใดในกาลนั้น ด้วยการถวายดอกไม้นั้น
ดิฉันไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทะบูชา
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว. .. คำสอน
ของพระพุทธเจ้า ดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.
ทราบว่า ท่านพระสลฬปุปผิกาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบสลฬปุปผิกาเถรีอปาน.
โมทกทายิกาเถรีอปานที่ 3 (13)
ผลของการถวายขนมต้ม 3 ชิ้น
[153 ] ดิฉันเป็นนางกุมภทาสีอยู่ใน
พระนครพันธุมดี ดิฉันถือเอาขนมต้มอันเป็นส่วน
ของดิฉันไปท่าน้ำได้พบสมณะผู้มีจิตสงบ มีใจ
เป็นสมาธิ ที่หนทาง ก็มีจิตเลื่อมใสโสมนัส
จึงได้ถวายขนมต้ม 3 ชิ้น เพราะกรรมที่ทำไว้ดีนั้น และเพราะการ
ตั้งเจตน์จำนงไว้ ดิฉันจึงไม่ได้ไปสู่วินิบาตเลย
ตลอด 2 กัป
ก็ดิฉันทำสมบัติแล้วเสวยสิ้นทุกอย่าง
ดิฉันได้บรรลุอจลบทเพราะถวายขนมต้ม 3 ชิ้น
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน
ของพระพุทธเจ้าดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.
ทราบว่า ท่านพระโมทกทายิกาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบโมทกทายิกาเถราอปทาน
เอกาสนทายิกาเถรีอปทานที่ 4 (14)
ผลของการถวายอาสนะ
[154] ครั้งนั้น ดิฉันเป็นหญิงช่าง
กรองดอกไม้ชาวพระนครหังสวดี มารดาบิดา
ของดิฉันท่านไปทำงาน ดิฉันได้พบพระสมณะ
กำลังเดินไปตามถนนในเวลาเที่ยงวัน ดิฉันได้
ปูลาดอาสนะไว้ ครั้นปูลาดอาสนะด้วยผ้าโกเชาว์
อันวิจิตรเป็นต้นแล้ว เป็นผู้มีจิตเลื่อมใสโสมนัส
กล่าวดังนี้ว่า ภูมิภาคแรงร้อนแดดกล้าเวลาเที่ยง
แดดจัดลมไม่รำเพยพัด และเวลานี้ก็จวนจะเลย
เวลาแล้ว